ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าเป็นอีกช่วงเวลาที่งดงามและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ ด้วยแสงสุดท้ายของวันสะท้อนลงบนผืนน้ำ ภูเขาสูง หรือสถานที่ต่างๆ สร้างบรรยากาศโรแมนติกและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและเก็บความทรงจำสุดพิเศษ ดังนั้นบทความนี้เราขอแนะนำ 5 จุดถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกของประเทศไทยที่สายถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นวิวทะเลกว้างสุดสายตา จุดชมวิวมุมสูง หรือสถานที่ที่มีเสน่ห์ทางวัฒนธรรม แต่ละจุดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้การถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกมีความพิเศษยิ่งขึ้นจะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน
1. แหลมพรหมเทพ (ภูเก็ต)
แหลมพรหมเทพเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่อที่สุดของภูเก็ต และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดของประเทศไทยสำหรับการเก็บภาพแสงเย็น บริเวณนี้มีลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล และมีต้นตาลเรียงรายเป็นเอกลักษณ์ เมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า สีส้ม ชมพู และม่วงจะสะท้อนลงบนผิวน้ำทะเล สร้างบรรยากาศที่สวยงามราวกับภาพวาด ด้วยมุมมองที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้สามารถเก็บภาพทิวทัศน์แบบพาโนรามาได้อย่างเต็มอิ่ม ในช่วงไฮซีซั่นอากาศจะโปร่ง ฟ้าใส เหมาะกับการถ่ายภาพโดยไม่มีเมฆบดบัง และยังสามารถถ่ายซิลูเอตของต้นตาลที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับภาพได้อีกด้วย ควรไปก่อนเวลาสัก 30 นาทีเพื่อหาทำเลที่ดีที่สุด และหากอยากหลีกเลี่ยงฝูงชน ลองเดินลงไปบริเวณโขดหินด้านล่างเพื่อหามุมที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
📅 ฤดูที่แนะนำ: พฤศจิกายน – เมษายน
⏰ เวลาที่เหมาะสม: 17:30 – 18:30 น.

2. หาดพระแอะ (เกาะลันตา, กระบี่)
หาดพระแอะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Long Beach” เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบที่สุดบนเกาะลันตา ด้วยแนวหาดที่ทอดยาวและน้ำทะเลสีฟ้าใส ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนั่งชมพระอาทิตย์ตก หาดแห่งนี้มีความเงียบสงบและไม่พลุกพล่านเหมือนกับหาดอื่นๆ ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพโดยไม่มีคนมาบดบังวิวได้ง่ายขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีส้มและชมพูจะสะท้อนลงบนผิวน้ำ พร้อมกับเงาของต้นมะพร้าวที่ทอดยาวไปตามชายหาด หากต้องการเพิ่มอารมณ์โรแมนติกให้กับภาพถ่าย ลองถ่ายแนวซิลูเอตของคู่รักหรือคนเดินเล่นริมทะเล นอกจากนี้ บริเวณริมชายหาดยังมีบาร์และร้านอาหารเล็กๆ ให้ได้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกแบบชิลล์ๆ
📅 ฤดูที่แนะนำ: พฤศจิกายน – พฤษภาคม
⏰ เวลาที่เหมาะสม: 17:45 – 18:45 น.

3. เขาพระตำหนัก (พัทยา, ชลบุรี)
เขาพระตำหนักเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพัทยาและอ่าวพัทยาได้แบบพาโนรามา จากจุดนี้คุณจะได้ภาพของเส้นขอบฟ้าที่ค่อยๆ ถูกย้อมด้วยแสงสีทองในขณะที่พระอาทิตย์ตกดิน นอกจากจะเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงแล้ว ที่นี่ยังเหมาะกับการถ่ายภาพแนวแลนด์สเคปและซิลูเอตอีกด้วย พระอาทิตย์ตกเหนือทะเลและเงาของตึกสูงในเมืองช่วยสร้างภาพที่มีเสน่ห์และความลึก มุมที่นิยมคือการถ่ายจากจุดสูงสุดของจุดชมวิว ซึ่งสามารถเก็บวิวทั้งหมดของเมืองพัทยาไปจนถึงอ่าวไทยได้อย่างเต็มอิ่ม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือก่อนพระอาทิตย์ตกประมาณ 30 นาที เพื่อให้สามารถจับภาพแสงเปลี่ยนระหว่างพระอาทิตย์ตก
📅 ฤดูที่แนะนำ: พฤศจิกายน – มีนาคม
⏰ เวลาที่เหมาะสม: 17:30 – 18:30 น.

4. ดอยเสมอดาว (น่าน)
ดอยเสมอดาวเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามของจังหวัดน่าน ด้วยความสูงที่สามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ที่หมอกหนาลอยฟุ้งเต็มหุบเขา ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและร่มรื่น ดอยเสมอดาวยังมีวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามสามารถมองเห็นวิวทิวเขาสลับซับซ้อนพร้อมกับแสงสุดท้ายของวันได้อย่างสวยงาม ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนจากสีทองเป็นม่วงอมชมพู และในคืนที่ท้องฟ้าเปิดยังสามารถถ่ายภาพดวงดาวที่ระยิบระยับเหนือขุนเขาได้อีกด้วย
📅 ฤดูที่แนะนำ: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
⏰ เวลาที่เหมาะสม: 17:00 – 18:30 น.

5. สะพานมอญ (สังขละบุรี, กาญจนบุรี)
สะพานมอญเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยด้วยความยาวกว่า 800 เมตรที่ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเรีย เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร วิวของแม่น้ำซองกาเลียที่สะท้อนแสงสีทองจากพระอาทิตย์ตกดินลงบนผิวน้ำพร้อมกับหมอกบางๆ ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำให้ภาพที่ดูมีมิติและมนต์ขลัง นอกจากนี้ชุมชนมอญยังมีความงามที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ยังคงหลงเหลืออยู่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแนวซิลูเอตและแนวแลนด์สเคป บรรยากาศที่เงียบสงบทำให้ที่นี่เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเดินชมวิว พักผ่อน หรือถ่ายภาพที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความงามของธรรมชาติ
📅 ฤดูที่แนะนำ: ตุลาคม – กุมภาพันธ์
⏰ เวลาที่เหมาะสม: 17:00 – 18:00 น.
